วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมายของหลักสูตร 2551

วิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลย์ทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
หลักการของหลักสูตร
1. เพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมาย มาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายการพัฒนาเด็กและเยาวชน
2. การศึกษาเพื่อปวงชน เสมอภาค และมีคุณภาพ
3. สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วม
4. มีความยืดหยุ่น
5. เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
6. สำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์
จุดหมายของหลักสูตร
๑. มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนเองนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๒. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต
๓. มีสุขภาพและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย
๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคมและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา
๔. ความสามารถการใช้ทักษะชีวิต
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซื่อสัตย์สุจริต
๓. มีวินัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อย่างพอเพียง
๖. มุ่งมั่นในการทำงาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
๑. กิจกรรมแนะแนว
๒. กิจกรรมนักเรียน
๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
การจัดเวลาเรียน
๑. ชั้นประถมศึกษา ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรียนวันละไม่เกิน ๕ ชั่วโมง
๒. มัธยมศึกษาตอนต้น ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค โดยมีเวลาเรียนวันละไม่เกิน ๖ ชั่วโมง ๓. ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค โดยมีเวลาเรียนวันละไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง
(ระดับมัธยมศึกษา น้ำหนักวิชาเป็นหน่วยกิต ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียนเท่ากับ ๑ หน่วยกิต )
ระดับการศึกษา แบ่งเป็น ๓ ระดับ ดังนี้
1. ระดับประถมศึกษา ป.1 – ป.6 จัดหลักสูตรรายปี
2. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1 – ม.3 จัดหลักสูตรลักษณะหน่วยกิต สาระพื้นฐาน 63 หน่วยกิต และสาระเพิ่มเติม 18 หน่วยกิต ตลอดหลักสูตรรวม 81 หน่วยกิต
3. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ม.4 – ม.6 จัดหลักสูตรลักษณะหน่วยกิต สาระพื้นฐานไม่น้อยกว่า 39 หน่วยกิต และสาระเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 42 หน่วยกิต ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 81 หน่วยกิต
จุดเน้นการจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
การศึกษาในระดับนี้ เน้นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน แต่ละคนทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ มีทักษะในการใช้วิทยาการ และเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการคิดขั้นสูง สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ มุ่งพัฒนาตนและประเทศตามบทบาทของตน สามารถเป็นผู้นำ และผู้ให้บริการชุมชนในด้านต่างๆ
การเทียบโอนผลการเรียน
๑. ดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก
๒. ผู้เรียนต้องศึกษาต่อเนื่องในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน
๓. การเทียบโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหน่วยกิตที่จะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม
๔. การพิจารณาการเทียบโอน ให้ดำเนินการ ดังนี้
- พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่น ๆ
- พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
- พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบัติในสภาพจริง
หลักการจัดการเรียนรู้
๑. ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
๒. ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ
๓. คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและการพัฒนาของสมอง
๔. เน้นความรู้และคุณธรรม
กระบวนการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย ได้แก่
- กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ
- กระบวนการคิด
- กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา
- กระบวนการปฏิบัติจริง
- กระบวนการกลุ่ม
- กระบวนการวิจัย
สื่อการเรียนรู้
๑. จัดให้มีแหล่งเรียนรู้ ศูนย์สื่อ ระบบสารสนเทศทั้งใน
สถานศึกษาและชุมชน
๒. จัดทำและจัดหาสื่อโดยใช้วัสดุในท้องถิ่น
๓. เลือกสื่อที่มีคุณภาพ เหมาะสมและหลากหลาย
๔. มีการประเมินสื่อที่เลือกใช้อย่างเป็นระบบ
๕. ศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาสื่อ
๖. ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้สื่ออย่างเป็นระยะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น